วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

::ห้วงคิดที่ 9::












::บทที่ 9::


คนหนุ่มสาวมักมองหาคู่ครองตามวัย












แผลของข้าเกือบหายสนิทแล้ว และการสำรวจพื้นที่บริเวณใหม่ก็เป็นไปอย่างราบรื่นไร้ปัญหา สถานที่ในยุคนี้ไม่มีศัตรูของพวกข้าปรากฏเลย ไม่รู้ว่าซานิวะย้ายที่ตั้งเรือนมาอยู่ในยุคสมัยใดถึงได้สงบสุขจนน่าเบื่อเช่นนี้






แต่เอาเถอะ..


พวกข้ายังสำรวจอะไรไม่ค่อยได้ทั่วนัก บางทีอาจจะเจอกองทัพของฝ่ายตรงข้ามเข้าไม่วันใดก็วันหนึ่ง มนุษย์นั่นไม่มีทางหลีกหนีความปราถนาพ้น เรื่องเหล่านี้ข้ากระจ่างชัดด้วยตนเองมาเป็นเวลานับร้อยปี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีศัตรูตามชะตากรรมถือกำเนิดมาให้ได้รับมือต่อกร ข้าก็ได้แต่หวังว่าจะพบเจอในเร็ววันพวกหลานๆจะได้หายเบื่อแล้วเลิกบ่นให้ข้าฟังเสียที..






กล่าวถึงดาบเล่มอื่นข้าก็ต้องขอพูดถึงผู้ร่วมหน่วยกับข้าเสียหน่อย ข้าไม่สามารถหาความกระจ่างได้จริงๆว่าเหตุใดอาการของโชคุไดคิริที่ว่าย่ำแย่จนปางตายนั้นกลับเป็นปกติได้ราวกับมิเคยเกิดเรื่องอันใดมาก่อน.. อีกทั้งบาดแผลยังหายเร็วกว่าข้าอย่างเทียบกันมิได้ ข้าได้แต่มองเจ้านายตนเองด้วยความกังขาว่าเขาทำได้อย่างไรกัน? หากอีกฝ่ายทำได้ถึงขั้นนั่นเหตุใดเขาจึงใช้วิธีนั้นกับข้า..








 "อึก.."






   อีกแล้ว..





เพียงแค่ย้อนคิดถึงเหตุการณ์นั้นความต้องการเบื้องต่ำก็พุ่งเข้าใส่ราวกับสัตว์ป่ากระหายโลกีย์ แม้เดี๋ยวนี้ซานิวะจะสนทนาอย่างเปิดใจกับข้าเหมือนที่ทำกับดาบเล่มอื่นแต่กลับเป็นข้าที่รู้สึกกระสับกระส่ายคล้ายมิอาจอยู่ทนสนทนา ด้วยในใจคิดแต่เพียงว่าจะหลอกล่ออีกฝ่ายไปห้องตนอย่างไรดี ความปราถนาอันปั่นป่วนที่มิอาจยอมรับได้นี้นับวันก็ยิ่งทำให้ข้าประคองรอยยิ้มตามแบบฉบับไว้ยากเย็นเต็มทน






"ไหนว่าจะชวนข้าดื่มสาเก ทำหน้าตาเช่นนี้ท่านเมามายแล้วหรือไรกัน?" รอยยิ้มเจือรอยขันบนใบหน้าสง่างามนั้นทำให้ห้วใจเต้นกระตุก





"เอ๋? โอ้.. ข้าลืมไปเสียสนิทเลยว่าท่านจะมา ฮะฮะฮะ" ข้าแสร้งหัวเราะแล้วยกจอกสุราขึ้นจ่อริมฝีปาก ยกดื่มเพื่อบดบังจันทร์เสี้ยวในดวงตาที่แฝงประกายหมายมาดอย่างมิดชิด





อ่า.. ใช่แล้วเมื่อเย็นข้าเพิ่งชวนซานิวะมานั่งดื่มสาเกชมจันทร์ และก็ใช่อีกเช่นกันที่ข้าชวนอีกฝ่ายมาที่ห้องของข้า เนื่องจากตนเองทรมานยิ่งนักกับความอดทนที่มิเข้าใจข้าจึงนั่งคิดไตร่ตรองจนกระทั้งแน่ใจว่าข้าปราถนาคนผู้นี้ยิ่ง อย่างไรเสียในเรื่องนี้ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ จะผิดแปลกอันใดที่ข้าอยากให้อีกฝ่ายชดใช้ด้วยการตอบสนองทางกามรมณ์ที่สร้างความทุกทรมานให้ข้าจนปวดร้าว เนื่องจากการเสร็จสมด้วยตนเองมิอาจบรรเทาความกระหายอยากได้ข้าจึงคิดใช้วิธีนี้






ข้าต้องการให้ความรู้สึกอันเหลวไหลนี้จบสิ้นไปเสียที หากการอดทนที่จะไม่แตะต้องอีกฝ่ายมันทำให้ข้าแทบคลั่งตายเช่นนี้ ข้าขอเป็นฝ่ายขยี้คนผู้ให้แหลกลาญไปเพื่อปลดเปลื้องพันธนาการทางอารมณ์ของตนเองเสียดีกว่า...






    บ้าจริง.. กลิ่นนั่น..





กลิ่นหอมอ่อนๆของผลท้อที่ติดกายเจ้าตัวเสมอนั้นยิ่งนานวันก็ยิ่งเย้ายวนชวนลิ้มรส ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นบุรุษและข้าก็มิเคยมีความต้องการด้านนั้นกับบุรุษมาก่อนแต่ยามนี้ข้ากลับอยากกลืนกินอีกฝ่ายแทบคลั่ง นี่ข้าเลอะเลือนไปแล้วใช่หรือไม่?





"มองข้าเช่นนี้ท่านมีอันใดอยากถามหรือ?"






เสียงของซานิวะแม้ไม่ได้อ่อนหวานเช่นสตรีแต่ก็ฟังนุ่มนวลชวนรื่นหู ดวงตาสีครามข้างซ้ายอันงดงามแฝงความพิศวงผลุบมองจอกสาเกในมือตนแต่กลับเอ่ยปากถามข้าราวกับรับรู้ถึงสายตา ข้ายิ้มอย่างมีความหมายก่อนเอ่ยตอบอย่างคนแก่จอมเอื่อยเฉื่อยตามฉบับ






"ก็มิใช่เรื่องสำคัญอันใดหรอก แค่ท่านเปลี่ยนไปเช่นนี้ข้าก็อดย้อนนึกถึงวันวานมิได้ คราแรกที่ข้าพบหน้า ข้าคิดว่าท่านเป็นสตรีนะ ฮ่าฮ่าฮ่า"





"อ่า.. ข้ากระจ่างใจดีว่าใบหน้าข้ายามนั้นชวนให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเพียงใด แต่ยามนี้ท่านคงหมดความสับสนแล้วกระมัง" ชายหนุ่มเลิกคิ้วหยอกเย้าอย่างไม่คิดถือสากับคำพูดเชิงกังขาในความเป็นบุรุษนั้น ข้านึกสนุกจึงเอ่ยต่อ






"แต่ข้าว่ายามนี้ท่านก็งดงามไปอีกแบบนะ สมแล้วที่ยามอ่อนเยาว์มีใบหน้าที่งดงามเช่นนั้น"






"หืม.. ท่านคิดเช่นนั้นหรือ?" รอยยิ้มของซานิวะค่อยๆผลิบานอย่างงดงามราวดอกท้อที่แย้มบาน ไม่ต่างจากกลิ่นประจำกายของเจ้าตัวซึ่งคล้ายผลท้อที่บ่มเพาะจนหอมหวานชวนให้รู้สึกมึนงงร้อนรุ่ม






"มิใช่หรอกหรือ อะ.."






ร่างที่ขยับเข้าใกล้อย่างเนิ่บช้าสร้างแรงกระตุกในหัวใจอย่างประหลาด กายเนื้อรู้สึกเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นปลุกเร้าทั้งที่มีผู้ใดสัมผัสนอกจากกลิ่นท้อที่ลอยอวลอ้อยอิ่ง ดวงตาสีครามด้านซ้ายที่จ้องมองมายังคงเด่นชัดกลางแสงจันทร์ หัวใจของข้าสั่นไหวจนเผลอสะดุ้งเมื่อปลายนิ้วไล้สัมผัสแก้ม กว่าจะจับยึดสติที่เหลือไว้ได้ทันก็พบว่ายามนี้ซานิวะกำลังคร่อมตัวอยู่เหนือร่างข้าแล้ว ฝ่ามือของเขาลูบไล้ใบหน้า ไล่ปลายนิ้วไปแตะเปลือกตาเหนือจันทร์เสี้ยว บุรุษเจ้าของเรือนผมสีเหมันต์เอนกายเข้าเบียดชิดสองมือดันไหล่ให้ข้าหงายหลังนอนติดพื้นเสื่อ






"เหตุใด.." ข้าหอบหายใจเอ่ยเสียงแผ่วด้วยคำถาม มิเข้าใจว่าเหตุใดตนเองถึงรู้สึกปราถนาอีกฝ่ายอย่างหมดหนทางปฏิเสธเช่นนี้ และเหตุใดอีกฝ่ายถึงมองข้าด้วยรอยยิ้มกึ่งเห็นใจกึ่งจนใจเช่นนั้น






"ท่านนี่จริงๆเลยนะ.. ใจจริงข้าอยากรอให้พร้อมกว่านี้อีกสักหน่อยแต่ดูเหมือนว่าจะทำมิได้เสียแล้ว ใครจะคิดว่าท่านจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเองเช่นนี้กัน"






"หมายความว่าอย่างไร นี่ท่าน! อะ..อือ.. อย่าจับนะ..มะ ไม่..."






มือที่ลูบคลำนวดคลึงส่วนอ่อนไหวทำให้ข้ากัดริมฝีปากกลั้นเสียงน่าละอายที่ไม่สามารถควบคุมได้ ฝ่ายคนกระทำกลับถอนหายใจด้วยสีหน้ายุ่งยากก่อนส่งยิ้มหวานพร้อมปลดอาภรณ์ท่อนล่างของข้าเพื่อล้วงมือเข้าไปสัมผัสความร้อนฉ่านั้นอย่างเต็มที่ เสียงทุ่มเอ่ยอย่างอ่อนละมุนคล้ายการปลอบใจ






"อย่าฝืนเลยท่านทนมันไม่ได้หรอก แม้ว่าข้าจะจำที่ผู้ใหญ่เล่าไม่ค่อยได้นักว่ามันต้องใช้เวลานานเท่าไรแต่การร่วมคู่สมสู่ของเผ่าข้ามันฝืนห้ามตัวเองกันไม่ได้หรอกนะ"






"อึก! อย่ารูดเช่นนั้น ข้า..อะ อะ.." มือของอีกฝ่ายกอบกุมความแข็งขืนของข้าแล้วรูดขึ้นลงจนปลายยอดมีน้ำไหลซึมออกมาด้วยไฟปราถนา แม้ปากจะเอ่ยห้ามแต่ยิ่งถูกรูดรั้งมากเท่าไรข้ากลับรู้สึกสุขสมระคนยินดีกับการปรนเปรอที่ตอบสนองได้ตรงใจ






"ท่านเป็นถึงขั้นนี้แล้วเลิกฝืนตนเองเถอะ เป็นคู่ให้ข้า นับจากนี้ข้าจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง.." เรื่องที่อีกฝ่ายพูดมาข้าไม่เข้าใจเลยสักอย่างแต่สัมผัสที่ได้รับกลับทำให้ข้าหมดความคิดที่จะต่อต้านขัดขืนด้วยความกระสั่นหิวกระหายอันเปี่ยมล้นจนดวงตามืดบอด






     ฟึบ!!






"!!?"





ข้าใช้เรี้ยวแรงที่ตนยังพอมีเหลือพลักร่างอีกฝ่ายพลิกกลับมาเป็นฝ่ายอยู่ด้านบน ประกบริมฝีปากบดจูบเคล้าคลึงอย่างหลงใหลคล้ายมึนเมาสุรา ส่งลิ้นเข้าไปพัวพันอีกฝ่ายซึ่งเจ้าตัวก็ตอบสนองอย่างมิคล้ายคนอ่อนเดียงสา สติของข้าคล้ายจะเลือนลางด้วยราคะที่เข้าครอบงำอย่างมิคิดจะเสียเวลาห้ามใจอีกต่อไป สองมือปลดเปลื้องอาภรณ์ของอีกฝ่ายเช่นเดียวกับที่ร่างด้านใต้ลูบไล้จนข้าเปลือยเปล่า ซานิวะยิ้มหวานจนดวงตาเล็กหยี่เอ่ยถามเสียงแผ่วจางคล้ายมนตร์กระซิบจากภูตพราย






"บอกมาสิจันทร์เสี้ยวของข้า.. อยากให้ข้าทำสิ่งใดกับเรือนร่างของท่าน"






ข้ามองรอยยิ้มนั้นก่อนดึงตัวให้เขานั้งคุกเข่าจับใบหน้าอีกฝ่ายให้เข้าใกล้ความแข็งขืนที่พองคับจนปวดหนืบนั้นอย่างไม่พูดต่อความอันใด ข้าไม่พูดอีกฝ่ายก็ไม่ควรได้พูดเช่นกัน ข้าคิดว่าเขาจะมีท่าทีรังเกียจแต่มิคาด ซานิวะยอมใช้ปากปรนเปรอให้ข้าแต่โดยดี ริมฝีปากดูดเลียราวก้บกำลังทานของโปรดแสนอร่อย ปลายลิ้นไล่เลียจากโคนจรดปลายและกลืนกินมันเข้าไปในจังหวะเนิ่บนาบ ท่าทางที่ดูเอร็ดอร่อยกับการดูดเลียนั้นทำให้ข้าตื่นเต้นยินดีอย่างประหลาด






"เร็วอีกสิ ซานิวะ อืม.." ปลายลิ้นร้อนที่ไล้วนรอบแกนกายกับการขยับดูดดึงทำให้ข้าครางแผ่วอย่างพอใจ อดไม่ได้ที่จะลูบหัวให้รางวัล หญิงบริการที่ว่าเยี่ยมยอดในเชิงลิ้นยังมิเท่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ ลีลาร้ายกาจจนน่ากังขาว่านี้เป็นครั้งแรกของเจ้าตัวจริงๆหรือ? ดวงตาสีครามของอีกฝ่ายช้อนมองข้าก่อนจงใจใช้ฟันครูดตามความยาวเบาๆจนต้องสูดปาก





"อะ เดี๋ยว.. อย่าใช้ฟันสิ อึก!.."






ซานิวะรั้งเอวข้าไว้ไม่ให้ขยับหนี ริมฝีปากยังคงปรนเปรอและเริ่มทรมานข้าด้วยแนวฟัน ข้ากัดฟันกรอด ปลายเท้าเกร็งด้วยความเสียวกระสั่นที่แล่นแปลบจนร่างสะท้าน ซานิวะขยับเร่งความเร็วใช้ริมฝีปากรูดเข้าออกสลับกับฟันครูดเบาๆจนขาข้าแทบทรุดเพราะความเจ็บปนสุขสม อีกฝ่ายคงเห็นว่าข้ายืนแทบไม่อยู่จึงรั้งตัวให้นอนลงทั้งที่ปากไม่หยุดเร่งจังหวะ บ้าจริง.. เหตุใดคนผู้นี้ถึงร้ายกาจนัก เขาไปร่ำเรียนเรื่องพวกนี้จากใครกัน!!






ข้าอยากจะตะโกนถามนักแต่ข้ามิอาจทำได้






"อะ อ๊า..ยะ หยุดนะ ....ข้าจะ..อึก.."






ของเหลวอุ่นร้อนถูกกลืนอย่างไม่รังเกียจทันทีเมื่อข้าไปถึงฝั่งฝัน ข้ารู้สึกสบายตัวที่ความอัดอั้นถูกอีกฝ่ายช่วยบรรเทาจนใกล้เคลิ้มหลับหากแต่ส่วนสำคัญที่เพิ่งเสร็จกิจกลับตื่นเต้นมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งเมื่อริมฝีปากที่เพิ่งเลียทำความสะอาดดูดหนักๆที่ปลายยอดจนสะดุ้ง ซานิวะถอนริมฝีปากที่แดงฉ่ำเงยหน้ามาจ้องมองข้าด้วยรอยยิ้ม เอ่ยเสียงทุ่มนุ่มราวกับเห็นใจท่ามกลางกลิ่นท้อที่ทวีความหอมหวานเข้มข้นจนสติเลือนลาง






"ลำบากท่านแล้ว.. แต่คราวนี้ข้าไม่เกรงใจละนะ.."