วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

::ห้วงคิดที่0::








::บทที่ 0::

อรัมบทแห่งห้วงคิด











การเป็นจิตวิญญาณของดาบอายุหลายร้อยปีทำให้ข้า'มิคาสึกิ มุเนะจิกะ'ผู้นี้ได้พบเจอเรื่องราวแปลกประหลาดมากมายจนเรียกได้ว่าไม่มีเรื่องราวอันใดบนโลกนี้ที่จะทำให้ข้าฉงนสงสัยหรือให้ความสนใจเป็นพิเศษ นั่นเป็นเรื่องที่สมเหตุผล.. ข้าจะใส่ใจไปเพื่อสิ่งใดกันก็ในเมื่อตัวข้ากระจ่างแล้วในสิ่งเหล่านั้น มันเป็นของขวัญเพียงสิ่งเดียวที่กาลเวลามอบให้แก่ข้า






มีเกิดย่อมมีดับ สัจธรรมข้อนี้ตัวข้าซึ่งเป็นหนึ่งใน5ดาบแห่งใต้หล้าประจักษ์อยู่แก่ใจ เจ้านายของข้าคนแล้วคนเล่าต่างก็มีอำนาจบารมีมากมาย บางคนก็เป็นที่เคารพยำเกรง แทบทุกคนต่างมีบริวารและกองทัพของตนเองพรั่งพร้อม แต่สุดท้ายแล้วทุกท่านก็ต้องสิ้นใจโดยมีข้าอยู่ในมือแต่ไม่เคยอยู่นอกฝัก ดาบชั้นเลิศอย่างข้าที่ได้รับความรักมากมายแต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าใช้แม้แต่การใช้เพื่อปกป้องชีวิตตนเอง..





ข้าได้แต่ทอดถอนใจอย่างนึกเวทนาทั้งตนเองและเหล่าอดีตผู้เป็นนายทั้งหลายจนกระทั้งหลังๆมาก็ปลงตกเลิกพาตัวเองจมอยู่ในความเศร้ากับโศกนาฏกรรมที่ข้าไม่เคยเป็นผู้ก่อ มันวนเวียนอยู่ในรูปแบบเดิมๆเป็นวัฏจักรมนุษย์ที่ทำให้ข้าได้เข้าใจ ข้าได้รู้ซึ้งถึงรสชาติความขื่นขมเหล่านั้นจนคร้านจะลิ้มรสมันแล้ว ทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นมงคลหรืออัปมงคลจันทร์เสี้ยวในนัยน์ตาคู่นี้ได้ประสบจนชาชิน หลังนายคนล่าสุดสิ้นใจข้าก็ตัดสินใจหลับใหลตามไปดั่งที่ใจเคยนึกปราถนา





ข้าจะได้ฝันถึงบิดาผู้สร้างข้าไหมนะ?




ความคิดนี้ผุดขึ้นมาอีกครั้งหลังการตัดสินใจ ในยามว่างบางคราข้าก็คิดอยากย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ข้าถือกำเนิด รอยยิ้มของ'มุเนะจิกะ ซันโจ'ไม่เคยเลือนลางในความทรงจำของข้าแม้ว่าบนโลกนี้จะไร้ร่างเจ้าของนามนั้นมานานแล้วก็ตาม ข้าปิดจันทร์เสี้ยวในดวงตาลง ในใจแอบคาดหวังว่าจะได้ย้อนกลับไปในวันวานนั้นอีกครั้งด้วยม่านหมอกของห้วงนิทรา..




..........




...






               ตื่นเถอะ..






ไออุ่นกับเสียงปริศนาที่แทรกผ่านเข้ามาในห้วงคำนึงทำให้ข้าเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้งท่ามกลางความมืดมิด ไม่รู้ว่ากาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ข้าได้ยินสำเนียงเสียงแปลกหูนั้นมาจากที่ไกลๆ เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกระแสความอบอุ่นที่ค่อยๆแผ่เข้ามาสัมผัสข้าที่ละน้อย





               ตื่นได้แล้วเจ้าคนขี้เซา




เสียงนั้นหมายถึงข้าหรือ? เป็นผู้ใดกัน? ข้าครุ่นคิดขณะเพ่งความสนใจเข้าไปค้นหาต้นเสียงท่ามกลางความมืดนั้น





               ตื่นขึ้นมาสิ.. ศาสตราเอ๋ย..





ยิ่งข้าขยับเข้าใกล้ทิศทางนั้นมากเท่าไรเสียงนั้นก็คล้ายกับจะแผ่วจางไปมากขึ้นเท่านั้น ข้ารีบเร่งตนเองด้วยความสงสัยปนคับข้องใจ เดี๋ยวสิ.. เจ้าเป็นใคร อย่าเพิ่งไป!..





                 ตื่นขึ้นมาสิศาสตรา..





..จงลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นกำลังให้ข้า..





สิ้นคำกล่าวของเสียงที่ข้าไล่ตามก็บังเกิดแสงสีขาวเจิดจ้าเบื้องหน้า ทั้งที่แสงสว่างนั้นควรจะสาดส่องให้ข้ามองเห็นทุกสิ่งรอบกายแต่มันกลับพรากทุกสิ่งไปจากข้าแม้แต่สีสันของความมืด รัศมีอันแรงกล้าของมันทำให้จันทร์เสี้ยวในดวงตาข้าต้องหลบหนีอย่างยอมจำนน




....





เนิ่นนานท่ามกลางการกลืนกินของแสงสีขาว ข้าเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติเกี่ยวกับตนเอง สายลมอ่อนสายนึงพัดไปมาอยู่เหนือริมหูข้าอย่างสม่ำเสมอ กลิ่นอ่อนๆของผลท้อลอยอวลอยู่รอบกายกับความรู้สึกที่คล้ายกำลังถูกโอบกอดทำให้ข้าค่อยๆลืมตาขึ้น และแล้วข้าก็ได้พบกับต้นเหตุของความผิดปกติอันน่าประหลาดใจเหล่านั้น เริ่มจากอัญมณีสีครามประหลาดที่กำลังจ้องมองข้าด้วยรอยยิ้ม




"สวัสดีคนขี้เซา ต้องใช้พลังมากกว่าที่คิดนะกว่าเจ้าจะยอมตื่น"





ดวงตาสีฟ้าครามของอีกฝ่ายกำลังมองข้าอย่างพึงพอใจ ข้ากระพริบตามองบุคคลผู้เป็นเจ้าของเสียงแปลกหูที่กำลังโอบกอดข้าอย่างเรียบเรียงสติความคิด ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจก็เข้าใจกระจ่างจึงส่งรอยยิ้มไปเป็นทัพหน้าพร้อมกับดันร่างตนเองออกจากอ้อมแขนนั้นอย่างสุภาพ รอยยิ้มของข้าเป็นหน้ากากชั้นเลิศที่ดูจริงใจเป็นที่สุด ดังนั้นคนผู้นี้จึงไม่รู้หรอกว่าข้าเบื่อหน่ายแค่ไหนที่ตอนนี้ข้า..





"ข้า มิคาสึกิมุเนะจิกะ หนึ่งใน5ดาบแห่งใต้หล้าที่ผู้คนกล่าวขานกันว่างดงามที่สุด จากนี้ไปก็ฝากตัวด้วยนะ'นายท่าน'.."






             อ่า ใช่..




..ข้ามีเจ้านายอีกแล้ว..







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น