วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

::ห้วงคิดที่ 7::












::บทที่ 7::


คนแก่มักอายุยืน













เสียงความวุ่นวายรอบตัวทำให้ข้าค่อยๆรวมร่วมลำดับความคิดอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางสติอันเลือนลางสิ่งที่ได้ยินคงเป็นผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นถึงหายนะซึ่งไม่มีผู้ใดคาดฝัน..





      แม้แต่ข้า..






"นี่มันเกิดเรื่องบ้าอันใดกัน!! เหตุใดพวกท่านจึงมีสภาพปางตายกันเช่นนี้!!"





          เสียงนั้นเป็นของใครกันนะ?





"ลืมตาขึ้นมามองข้าเดี๋ยวนี้โฮริคาวะ!!"





          เสียงแบบนี้.. คาเนะซาดะแน่ๆ..





"ไปแจ้งนายท่านให้ทราบด่วน แข็งใจไว้ก่อนโชคุไดคิริ!!"





        แล้วนั่น..อ่า..โซสะหรอกหรือ? โชคุไดคิริ..?



                        อ่า..ใช่.. เขาเจ็บหนักที่สุดผู้อื่นจึงกลุ้มใจมากเป็นธรรมดา





"นายท่านทราบเรื่องแล้ว ท่านกำลังมา ไหวหรือไม่มุสึโนะคามิ"





           นั่นก็คะชู.. 





"มิคาสึกิ.."





           ส่วนนี่ก็..





ข้าค่อยๆเผยจันทร์เสี้ยวมองเจ้าของเสียงที่เรียกหา




"เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้นกันโคกิทสึเนะ ฮะฮะฮะ" เจ้าของนามขมวดคิ้วก่อนต่อว่าต่อขานอย่างระอากับความขบขันอันผิดสถานการณ์ของข้า





"ท่านอยู่ในสภาพนี้ยังจะทำเป็นเล่นอีกนะ สิ่งที่เฮชิคิริบอกแก่นายท่านไม่น่าจะทำให้จิตวิญญาณดาบสองเล่มมีสภาพเกือบแตกดับกันเช่นนี้.. เกิดอันใดขึ้นกันแน่?"





จันทร์เสี้ยวของข้าเหลือบมองร่างกายตนเองที่บาดเจ็บหนักหนาอยู่ไม่น้อยก่อนจะเบนสายตาไปยังความวุ่นวายด้านข้างด้วยความรู้สึกหดหู่ ด้วยข้าเองก็ไม่คาดคิดว่าชัยชนะที่เกือบจะเอื้อมไปถึงจะกลับกลายเป็นพวกข้าได้หลุดเข้าไปอยู่ในห้วงอเวจีกันเสียได้ จนถึงขณะนี้ข้าก็ยังคงรู้สึกมึนงงกับสิ่งที่พวกข้าเพิ่งได้ประสบมา ในขณะที่ข้ากำลังลำดับเหตุการณ์ด้วยความสับสน เสียงกรีดร้องอย่างไม่สามารถระงับอารมณ์ก็ทำเอาใจหล่นวูบ





"นายท่านขอรับ! นายท่านอยู่ไหน โชคุไดคิริเขา..นายท่าน!!"





"นั่นๆ นายท่านมาแล้ว"




ซานิวะที่ดาบทุกเล่มต่างร้องเรียกหาก้าวเข้ามายังพวกข้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาเหลือบมองข้ากับดาบเล่มอื่นที่บาดเจ็บหนัก ริมฝีปากเม้มแน่นจนเกือบห้อเลือดสีหน้าและดวงตาสีฟ้าครามเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงอารมณ์ที่มืดดำเข้มข้นประหนึ่งเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชติช่วง





"เรียกศาสตราทุกเล่มเข้าไปในเรือน" เขาออกคำสั่งแรกด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด





"แต่นายท่านขอรับ โชคุไดคิริเขา.."





"ไม่มีเวลาแล้ว! ทำตามคำสั่งข้าเรื่องอื่นค่อยว่ากัน!!"





ซานิวะตวาดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความอาฆาตแค้นอย่างที่สุด มือของคนผู้นั้นกำหมัดจนสั่นระริกคล้ายพยายามระงับอารมณ์ตนเองอย่างสุดความสามารถ เขาหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมองบรรดาดาบทั้งหลายที่พากันเงียบกริบด้วยความตื่นตกใจ ดวงตาสีฟ้าครามนั้นเหมือนจะแปรเปลี่ยนไปในความรู้สึกของข้า สภาพของข้าตอนนี้ทำอะไรไม่ค่อยสะดวกนักแม้แต่การครุ่นคิดแต่อาการแข็งค้างเกร็งไปทั้งร่างของดาบอื่นๆก็ทำให้ข้าพอจะรู้ว่าสีหน้าอารมณ์ของซานิวะยามนี้น่ากลัวเพียงใด ดาบแต่ละเล่มคงรู้สึกไม่อยากเชื่อสายตาตนเองว่าเจ้านายผู้อ่อนโยนสุขุมเยือกเย็นจะมีวันที่สูญเสียการควบคุมเช่นนี้





"โควเสะสึ คะชู โคกิทสึเนะ นาคิกิสึเนะ พวกเจ้าตามข้ามา ให้ที่เหลือพาศาสตราที่บาดเจ็บเข้าไปในเรือน ข้าขอสั่งพวกเจ้าทุกเล่มห้ามย่างเท้าออกจากเรือนเด็ดขาดไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นด้านนอกก็ตาม เข้าใจหรือไม่?"





"ขะ..ขอรับ พวกข้าจะรีบทำตามที่ท่านสั่งไว้ทันที"





โซสะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่คล้ายเจ้าตัวพยายามฝืนไม่ให้ปล่อยโฮ เขาเป็นดาบในร่างชายหนุ่มที่อารมณ์อ่อนไหวกับเจ้านายที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบ ข้าเห็นซานิวะตบบ่าโซสะคล้ายต้องการปลอบใจผ่านทางจันทร์เสี้ยวที่เริ่มพร่าเลือนอ่อนแสงมากขึ้นเรื่อยๆ แผ่นหลังของคนผู้นั้นดูคล้ายกับจะจางหายไปในแสงสว่างสีขาวที่ค่อยๆขยับขยายคืบคลานเข้ามาใกล้ข้า จนกระทั้งจันทร์เสี้ยวในดวงตาไม่อาจสาดแสงต่อกรได้อีกต่อไป..






.........................





..............





....





..







เมื่อข้าลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนได้ถูกพากลับมาที่ห้องพักเรียบร้อยแล้ว นี่ข้ายังไม่ดับสลายงั้นหรือ? ข้าก้มมองสำรวจบาดแผลก่อนต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าอาการบาดเจ็บอันหนักหนาที่ข้าคิดว่าต้องเข้าโรงตีดาบเพื่อซ่อมแซมกลับหลงเหลือเพียงร่องรอยความเจ็บปวดอันเบาบาง นี่มันเรื่องอันใดกัน?





ครืด..





"โอ้.. ท่านฟื้นแล้ว" ฮาจิสึกะเลื่อนประตูฉากกั้นเข้ามาก่อนมีรอยยิ้มโล่งใจ





"คนแก่ก็อายุยืนแบบนี้ละนะ ฮะฮะฮะ" ข้าเอ่ยตอบรับ แน่ละ ใครจะอยากดับสลายกันในเมื่อข้ายังมีความสุขกับการได้เฝ้ามองความเป็นไปของโลกใบนี้ ฮาจิสึกะนั่งคุกเข่าลงข้างฟูกนอนข้าก่อนขอตรวจดูบาดแผล ข้าจึงใช้โอกาสนี้ถามเหตุการณ์ต่างๆระหว่างที่ข้าหมดสติไป





"หลังจากที่ดาบทุกเล่มเข้าเรือน นายท่านก็กางเขตอาคมปกป้องอาณาเขตทั้งหมดไว้ก่อนที่ท่านจะใช้พลังนำพาทุกคนมายังสถานที่แห่งนี่ นายท่านกล่าวว่าที่เดิมไม่อาจให้ความปลอดภัยได้อีกแล้วจึงต้องย้ายที่ตั้งเรือนใหม่"





ข้าครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้ยินแต่ดูเหมือนว่าข้าคงจะคิดอะไรชัดเจนเกินไปหน่อย ฮาจิสึกะจึงเอ่ยปากอธิบายเมื่อแลเห็นถึงความกังขามากมายบนใบหน้าข้า





"ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าสถานที่แห่งนี่คือที่ไหน แต่นายท่านได้กล่าวกับดาบทุกเล่มว่าไม่ใช่ยุคสมัยเดียวกับที่อยู่มาคราแรก ยุคสมัยของสถานที่ตั้งเรือนในอดีตยามนี้ถูกผู้บุกรุกเข้ายึดครองแล้ว จริงสิ..นายท่านกำชับว่าหากท่านฟื้นแล้วให้รีบบอก ข้าต้องขอตัวก่อน อีกเดี๋ยวนายท่านคงจะมาเยี่ยมท่านแน่"





"เข้าใจละ งั้นข้าจะรอนะ" ข้ามองแผ่นหลังของฮาจิสึกะที่ค่อยๆถูกบดบังด้วยฉากกั้น มองเงาร่างที่ทาบผ่านค่อยๆเดินห่างออกไปแล้วข้าจึงเริ่มเรียงลำดับเหตุการณ์ช่วงก่อนหมดสติอีกครั้ง





ข้าจำได้ว่าตนเป็นผู้นำหน่วยลาดตะเวนออกไปสำรวจพื้นที่ แต่ขากลับๆถูกศัตรูเข้าโจมตีอย่างไม่มีเวลาให้สอดแนมเพื่อรับมือ โชคุไดคิริซึ่งเป็นรองหัวหน้าหน่วยสั่งให้เฮชิคิริพาโกโคไทกลับฐานมาขอกำลังเสริม ส่วนพวกข้ายังคงยืนหยัดรับมือกับศัตรู แล้วอย่างไรต่อน่ะหรือ? พวกข้าก็ต่อสู้กับเหล่าขุนพลอมมนุษย์จนในที่สุดก็เริ่มเห็นผลว่าตนเองจะเป็นฝ่ายได้กำชัย แต่ทว่า..





พวกข้ากลับถูกอีกกองกำลังเข้าโจมตี





มันคือกองกำลังสีดำของอมมนุษย์ซึ่งมีดวงไฟสีฟ้าในนัยน์ตา บรรดาพลทหารและเหล่าขุนพลต่างมีไอควันสีฟ้าลอยออกจากปากไม่ต่างจากปีศาจร้าย พวกมันตรงเข้ามาประจัญบานกับพวกข้าอย่างไม่รีรอ ไม่ใช่แค่พวกข้าเท่านั้นที่ต้องต่อสู้กับศัตรูทั้งสองฝั่ง ฝ่ายขุนพลที่ใกล้สิ้นชื่อภายใต้เงื้อมมือพวกข้าเองก็ถูกเล่นงานจนสะบักสะบอมไม่ต่างกัน ข้าจึงพยายามหลอกล่อพวกมันให้กลายเป็นเป้าโจมตีของกองกำลังซึ่งโผล่มาเป็นมือที่สามนี้เพื่อจะได้หาโอกาสถอยทัพกลับไปตั้งหลักรอกำลังเสริม





     แต่ข้าก็พลาด..





กองกำลังที่มาใหม่ต่างมุ่งมั่นที่จะเข้าโจมตีพวกข้าให้ดับดิ้นไปพร้อมๆกับเหล่าขุนพลของศัตรูข้า การโจมตีของพวกมันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งไร้รูปแบบของสำนึก ข้าขยับกายพยายามหลบหลีกอย่างยากลำบากเนื่องด้วยการต่อสู้ของผู้อื่นที่ยังคงพัวพันอยู่ไม่ห่าง ในขณะที่ข้ากำลังระดมความคิดเพื่อหาทางนำพาพวกพ้องให้รอดพ้นอยู่นั้น เสียงนึงก็ตะโกนขึ้นจนดังก้อง..





โฮริคาวะ!!



เปรี๊ยะ!!





โชคุไดคิริยกดาบขึ้นป้องกันให้โฮริคาวะที่พลาดท่าล้มลงจนไม่อาจหลบวิถีดาบได้ทัน แต่คมดาบของผู้เข้ามาปกป้องกลับแตกร้าวพร้อมๆกับที่คนถือดาบทรุดกายล้มลงอย่างหมดเรี้ยวแรงก่อนกระอักเลือดออกมากองใหญ่ โฮริคาวะขาดสติไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าตัวกระชับดาบสั้นในมือก่อนพุ่งร่างเข้าไปสังหารข้าศึกอย่างหมดสิ้นความเกรงกลัวว่าตนเองอาจดับสลายหากร่างจริงของตนรับการโจมตีไม่ไหว





ข้ากับมุสึโนะคามิจำเป็นต้องเสี่ยงฝ่าดงศัตรูเพื่อเข้าไปช่วยเหลือโฮริคาวะและโชคุไดคิริจากหายนะที่กำลังจ่อหน้ามาประชิด กว่ากำลังเสริมที่ขอไปจะมาถึงพวกข้าก็ยืนกันแทบไม่อยู่ เหล่าดาบใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งในทัพเสริมต่างช่วยสังหารศัตรูที่พวกข้าแน่ใจว่าไม่เคยพบเห็นหรือรู้จักมาก่อนจนไม่เหลือร่างใดยืนอยู่ ข้าส่งยิ้มให้พร้อมประโยคต้อนรับอย่างนึกมีอารมณ์ขัน





"ได้เวลาน้ำชาแล้วหรือ? ช้าจังเลยนะ.."





"ท่านนี่มัน.. มันใช่เวลาไหมเนี่ยท่านปู่!!"





"ไม่ใช่หรอกหรือ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลามาหัวเราะนี่นะ"





"ก็ไม่ใช่น่ะสิ! เฮอะ..มาเถอะท่านปู่ พวกข้าจะช่วยพยุงท่านขึ้นม้า"





"ชิบหายแล้ว..โชคุไดคิริ!!"








หลังจากนั้นข้าก็ถูกพาตัวกลับมาในสภาพเกือบหมดสติสินะ..




ไม่รู้ว่าดาบเล่มอื่นจะเป็นอย่างไรบ้างโดยเฉพาะโชคุไดคิริ ความเสียหายของเขาทำให้ข้าไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะได้กลับมาเป็นปกติหรือต้องดับสลายไป ในฐานะหัวหน้าหน่วยที่ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์อันไม่คาดฝันนี้ข้าอยากไปดูด้วยตาตนเองให้รู้แจ้งว่าตกลงแล้วอาการของเขาเป็นเช่นไรกันแน่





ครืด..





"รู้สึกตัวแล้วจริงๆด้วย..อาการของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"





ความรู้สึกอันแปลกประหลาดแผ่ซ่านอยู่ในอกด้วยไม่คิดว่าเสียงทุ่มต่ำที่ฟังจนคุ้นหูจะเอ่ยถามไถ่ด้วยความห่วงใยถึงเพียงนี้ ข้าหันกลับไปมองเจ้าของเสียงด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับ ก่อนจันทร์เสี้ยวจะสะท้อนภาพบางอย่างให้ข้าต้องตาค้าง!!





เกิดอะไรขึ้นกับซานิวะ!!













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น