วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

::ห้วงคิดที่ 4::












::บทที่ 4::

คนเป็นเจ้านายมักมีความลับ










ซานิวะเป็นคนประหลาดที่ชอบทำตัวมีความลับ..





ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ข้าที่คิดเช่นนั้นแต่ดาบเล่มอื่นก็รู้สึกถึงเรื่องนี้ได้เช่นกัน มีครั้งนึงที่เวรทำครัวเกียจคร้านแม้แต่การจะหยิบมีดเล่มใหม่จึงใช้มีดหั่นผักสับเนื้อก่อนเอาไปหั่นผักที่จะใช้ในสำรับอาหารของซานิวะ ผลที่ออกมาคือซานิวะทานไปได้แค่คำเดียวก่อนจะมีสีหน้าพะอึดพะอมซีดเผือด หันมาถามด้วยอาการร้อนรนว่าก่อนหน้านี้มีใครเอาเนื้อสัตว์มาปนหรือไม่ เมื่อได้คำตอบเจ้าตัวก็รีบวิ่งไปล้วงคอพยายามให้ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างไม่ฟังเสียงใครห้ามปราม ทำเอาคนทั้งเรือนวุ่นวายกันไปหมด





เรื่องที่สองคือ ห้องพักของซานิวะถูกจัดแยกเป็นเรือนไว้ต่างหากและถือเป็นเขตหวงห้าม มีการกำชับเหล่าดาบทุกเล่มว่าหากไม่มีเหตุจำเป็นร้ายแรงอันใดห้ามผู้ใดย่างกรายเข้าไปเดินในเขตเรือนพัก ดังนั้นที่เรือนพักของซานิวะจึงไม่มีใครเป็นเวรทำความสะอาด ที่ข้ารู้ก็เพราะพวกดาบเด็กๆต่างบ่นกันอยู่บ่อยครั้งในวงสนทนาด้วยความกังวลว่าเรือนของซานิวะจะไม่สะอาดไม่สะดวกสบาย แต่ดูเหมือนเจ้าของเรือนจะไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับเรื่องนี้ ข้าคิดว่าอีกฝ่ายคงกลับมาทำความสะอาดเรือนหลังจากที่ได้จัดทัพให้พวกข้าไปฏิบัติหน้าที่เรียบร้อยแล้วมากกว่าจะปล่อยให้ฝุ่นจับโดยตนนั่งหายใจทิ้งอยู่เฉยๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ข้าสนใจ..





สิ่งที่น่าสนใจคือคนผู้นั้นไม่เคยให้ผู้ใดก้าวเข้าไปยลโฉมเรือนนอนของตนต่างหาก แม้แต่ดาบที่ได้รับใช้ใกล้ชิดหรืออยู่เคียงข้างมานานที่สุดอย่างคะชูก็ไม่ได้รับอภิสิทธิ์ใดเป็นกรณียกเว้น





เหตุใดซานิวะจึงหวงแหนที่นั่นจนถึงขนาดไม่ยอมให้ดาบที่ไว้ใจเข้าใกล้กัน?





เรื่องนี้ไว้มีโอกาสหาต้นสายปลายเหตุแล้วไต่ถามเอาทีหลังก็ยังไม่สาย แต่ข้าไม่ใช่พวกที่จะสนใจละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น เพียงแต่ข้อมูลที่ได้มากำลังทำให้ข้าเกิดความคิดชั่วแล่นที่หากเป็นยามปกติคงไม่มีวันที่ข้าจะทำเรื่องไม่สมอายุเช่นนั้น แต่คราวนี้ข้าตั้งใจไว้แล้วว่าจะจัดการสะสางความคับข้องใจที่ไม่ยอมจบนั้นให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ดังนั้นเรื่องราวของซานิวะในยามอดีตจวบจนปัจจุบันข้าจึงสนใจมากเป็นพิเศษ การที่เรือนพักนั้นไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปวุ่นวายมันก็หมายความว่าในที่แห่งนั้นข้าสามารถคุยธุระส่วนตัวกับอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมารับรู้





ในวงสนทนาเมื่อคราวก่อน คะชูเล่าให้ข้าฟังด้วยความภาคภูมิใจว่าตนเองได้รับใช้ท่านซานิวะอย่างใกล้ชิดเพียงใด แม้แต่การช่วยสางผมให้คนเป็นนายเขาก็ทำจนได้รับคำชมมาแล้วหลายครั้ง ข้าจึงสบโอกาสถามว่าแล้วเหตุใดนายท่านจึงยังปล่อยให้ผมด้านขวายาวเกะกะบดบังดวงตาเช่นนั้น คะชูกลับมีสีหน้าหม่นหมองพลางตอบเสียงเศร้าด้วยความน้อยใจระคนผิดหวัง





"ดูเหมือนว่านายท่านจะไม่ชอบให้ใครแตะต้องบริเวณนั้นน่ะครับ ข้าเองก็อยากเล็มปลายผมให้สั้นลงสักหน่อยจะได้ไม่เกะกะ แต่ท่านปฏิเสธ.." ข้านิ่งงันกับคำตอบนั้น





ใบหน้าด้านขวางั้นหรือ? จะว่าไปคนผู้นั้นก็ไม่เคยถักเปียที่ด้านขวาเลยนี่นะ..





ข้าครุ่นคิดขณะมองขนมดังโงะเสียบไม้ในมืออย่างพิจารนาสีสันของมันราวกับกำลังนึกชื่นชมฝีมือคนทำ ก่อนจะตัดสินใจส่งเข้าปากกัดไปด้านนึงเป็นคำเล็กๆ รสหวานของขนมตัดกับความขมของชาเขียวได้อย่างพอดิบพอดีทำให้ข้ายิ้มตาหยี่





น่าสนใจดี..








"ช่วงเวลาดีๆแบบนี้ดีจังเลยนะ..."





หลังเสร็จธุระกับดังโงะแสนอร่อยข้าก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลายบนเสื่อซึ่งอยู่ใต้เบาะนั่งเนื้อนุ่มที่เหล่าหลานๆนำมาปูให้ข้าได้นั่งจิบชาชื่นชมธรรมชาติใต้ร่มไม้ มองเห็นกลุ่มดาบหนุ่มรุ่นหลานทั้งหลายกำลังตั้งวงดื่มสุรากันอย่างคึกคักห่างไปไม่ไกลนัก จันทร์เสี้ยวของข้าจับจ้องที่ภาพความสนุกนั้นในขณะที่สมองกำลังเริ่มวางแผนการอยู่ในใจ





"ท่านก็อารมณ์ดีทุกครั้งที่มีชากับขนมนั่นแหละมิคาสึกิ"





โคกิทสึเนะมารุสหายเก่าแก่ของข้าซึ่งเพิ่งถูกปลุกขึ้นมาเมื่อสี่วันก่อนเอ่ยหยอกล้อ เขาเดินตรงมายังข้าก่อนนั่งลงเคียงข้างแล้วยกจอกสุราขึ้นจรดริมฝีปากเป็นการชวนดื่ม ข้าหัวเราะอย่างไม่ถือสา วางถ้วยชาที่ไร้ชาแล้วรับจอกที่อีกฝ่ายส่งมาให้อย่างไม่เกี่ยงงอน





"กำลังคิดเรื่องใดอยู่?" โคกิทสึเนะเอ่ยปากถาม ใบหน้าของข้ายังคงประดับรอยยิ้มก่อนทำหน้าฉงนสงสัย ถามกลับด้วยน้ำเสียงงุนงง





"หืม...เหตุใดจึงถามเช่นนั้นกัน?"





"จุ๊ๆ คิดว่าข้าเป็นสหายท่านมากี่ร้อยปีกัน มีหรือที่หน้ากากโชกุนนี้จะหลบเลี่ยงข้าได้?"






คำพูดของโคกิทสึเนะทำให้ข้ายิ้มกว้างแต่ก็ไม่ได้กล่าวความในใจอันใด เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของข้ากับคนผู้นั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้ใครมอบความเอื้อเฟื้อยุ่งเกี่ยว เมื่อเห็นข้าไม่ตอบคำสหายเชื้อสายจิ้งจอกก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ แต่คำพูดต่อมาของเขากลับดึงดูดความสนใจของข้า





"ข้าว่านายท่านคนใหม่น่าสนใจดีนะ..โดยเฉพาะกลิ่นนั่น.."





"หืม?.."





สีหน้าของบุรุษข้างตัวข้าเริ่มส่อแววเคร่งขรึมจนข้าต้องลดมือที่ถือจอกลง เป็นเรื่องแปลกที่บุคคลร่าเริงอารมณ์ดีอย่างโคกิทสึเนะจะมีสีหน้าเช่นนี้ยามเอ่ยถึงเจ้านายคนใด





"มิคาสึกิ..ในฐานะสหาย ข้าอยากถามว่าท่านรู้เรื่องนี้หรือไม่.."





โคกิทสึเนะมีท่าทีจริงจังอย่างมาก เรื่องนี้คงสำคัญเกินกว่าที่เขาจะนำไปเอ่ยให้ผู้ใดรับรู้จึงได้เอ่ยกับข้ายามสนทนากันเป็นส่วนตัวแต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจ เป็นเรื่องอันใดกันที่ทำให้สหายข้าต้องมีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังเช่นนี้?





"ข้าไม่เข้าใจเรื่องที่เจ้าพูดเลยโคกิทสึเนะ เจ้ากำลังหมายถึงเรื่องใ--"





"ข้าหมายถึงนายท่านซานิวะ.."





"เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว ก็เจ้ากับข้ากำลังพูดถึงเรื่องนายท่านกันอยู่มิใช่หรือ.."





"นี่ข้าจริงจังมากนะ มิคาสึกิ.."





"ฮะฮะฮะ อย่างงั้นหรอกหรือ.."





มือที่ถือจอกสุรายกขึ้นอีกครั้ง หมดความสนใจกับท่าทีของสหายเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมเอ่ยปากเข้าเรื่องเสียที ดวงตาคมกริบดั่งสัตว์นักล่าของโคกิทสึเนะจ้องมองข้าอย่างไร้อารมณ์สนุกสนานล้อเล่น ก่อนคำพูดต่อมาจะทำเอาข้าแทบพ่นสุราทิ้ง จันทร์เสี้ยวในดวงตาเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน ข้าหันกลับไปมองหน้าโคกิทสึเนะทันทีด้วยสีหน้าตื่นตะลึงอย่างไม่สามารถระงับอาการได้





"มิคาสึกิ....ข้าเกรงว่าซานิวะผู้นั้นจะมิใช่มนุษย์.."






!!!!













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น