วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

::ห้วงคิดที่ 2::









::บทที่ 2::

เจ้านายคือบุคคลสร้างความคับข้อง








เกือบสัปดาห์แล้วนับตั้งแต่ที่ข้าลืมตาตื่นขึ้นมาในยุคนี้พร้อมกับมีเจ้านายคนใหม่ และข้าก็ต้องเลิกคิ้วประหลาดใจยามเห็นสำรับอาหารของผู้เป็นนายคนนั้น..





เจ้าของสำรับซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะกำลังคีบถั่วหมักวางบนข้าว จากนั้นก็เลื่อนตะเกียบไปหยิบชิ้นเต้าหู้มากัด ก่อนคีบข้าวพร้อมถั่วหมักเข้าปากอย่างสำรวมสุภาพ ข้าเคยถามเด็กๆที่อยู่ในเรือนมาก่อนหน้านี้ว่าเหตุใดคนผู้นั้นจึงเลือกกินแต่พืชผัก ทว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้คำตอบนอกจากการคาดเดาไปต่างๆนานา โควเสะสึกล่าวอย่างไม่แน่ใจนักว่าบางทีนายท่านอาจจะเป็นคนชอบถือศีลกินเจแบบเขาก็ได้ ข้าก็ไม่ได้แสดงความอยากรู้มากนักนอกจากพยักหน้ารับรู้ก่อนจิบชามองทุกคนเฮฮาไปตามเรื่องพลางนับถอยหลังในใจ





...4..3..2..1...






กึก..





"เอ่อ..นายท่าน อาหารที่ข้าทำไม่ถูกปากหรือขอรับ?" โซสะถามไถ่ด้วยความไม่แน่ใจระคนผิดหวัง คนเป็นนายทำเพียงส่งยิ้มบางๆก่อนเอ่ยปลอบใจ





"อร่อยมากจริงๆ แต่ข้าแอบกินขนมมามากไปหน่อยเลยทานได้น้อยเท่านั้น"





"งั้นกับข้าวพวกนี้.."





"เก็บไว้เถอะ เผื่อดึกดื่นข้ารู้สึกหิวจะได้นำมาอุ่นทาน"





"แต่ว่า.."





"โซสะ.."





"ขอรับ?"





"ข้าอยากมีอาหารฝีมือเจ้าไว้ทานอีกแต่ไม่อยากรบกวนเจ้ากลางดึก พอจะเก็บที่ส่วนเหลือไว้ให้ข้าได้หรือเปล่า?"





รอยยิ้มปลอบโยนกับคำกล่าวนั้นทำเอาข้าคิ้วกระตุก โซสะที่คราแรกมีสีหน้าย่ำแย่บัดนี้ริมฝีปากสั่นระริกพยายามกลั้นน้ำตาด้วยความปลื้มปิติเอ่ยตอบรัวเร็วเสียจนผู้อื่นเกรงว่าลิ้นเจ้าตัวจะพันกัน





"แน่นอนขอรับ! ขอเพียงท่านชอบต่อให้ต้องลุกขึ้นมาเข้าครัวกลางดึกข้าก็ทำได้ทั้งนั้น!"






"ก็เพราะเกรงว่ามันจะเป็นเช่นนั้นน่ะสิถึงได้ขอให้เจ้าเก็บส่วนนี้ไว้รอข้า"





เด็กหนุ่มกล่าวพลางหัวเราะร่าจนตาหยี่ หัวใจข้าไหวสั่นไปกับรอยยิ้มนั้นก่อนความหงุดหงิดอันไร้เหตุผลจะผุดขึ้นมาแทนที่ แต่จะว่าไร้เหตุผลมันก็ไม่ถูกนักเพราะข้ารู้สาเหตุที่ตนเองขุ่นเคืองดี เนื่องจากข้าเป็นดาบเพียงเล่มเดียวในเรือนนี้ที่คนผู้นั้นไม่เคยส่งเสียงร่วมหัวเราะ





ข้ามองซานิวะที่หันไปสนทนากับคะชูอย่างสนุกสนาน ดวงตาสีฟ้าครามข้างเดียวที่เผยโฉมกำลังฉายความรื่นเริงชื่นมื่นอยู่เต็มเปี่ยมจนข้านึกอยากใช้จันทร์เสี้ยวในนัยน์ตาสะกดให้มันนิ่งงันนัก แต่สิ่งที่ข้าทำได้จริงๆคือการก้มมองถ้วยชาในมือด้วยไม่อยากให้จันทร์เสี้ยวของข้าฉายภาพเหตุการณ์อันจะนำไปสู่ความคับข้องใจนั้นอีก ซานิวะทำให้ข้าหงุดหงิด สิ่งที่เขาทำไม่เคยเป็นไปตามที่ข้าต้องการ





น่าชังนัก..



ข้าไปทำสิ่งใดให้คนผู้นี้ขุ่นเคืองกัน เหตุใดเขาจึงสร้างระยะห่างความสัมพันธ์ไว้อย่างลำเอียงเช่นนี้ เหตุใดเด็กหนุ่มผู้นั้นจึงสร้างกำแพงกีดกันข้าผิดกับดาบพวกนั้นที่เปิดรอต้อนรับ ทั้งๆที่หากเป็นผู้อื่นล้วนจะมีแต่พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ใกล้ชิดข้าแม้เพียงสักครา





"มาแล้วๆ คราวนี้ท่านซานิวะจะมอบผลท้อให้ใครกัน"





เสียงโหวกเหวกดึงความสนใจข้าให้ออกจากม่านหมอกอันแสนขุ่นมัว ซานิวะยิ้มน้อยๆในมือมีผลท้อที่ผ่าวางไว้เป็นสองซีกขนาดเท่าๆกัน หลังอาหารมื้อเย็นของแต่ละวันจะมีผลไม้แจกจ่ายให้ทุกคนได้ทาน แต่จะมีดาบเพียงสี่เล่มเท่านั้นที่จะได้ทานผลท้อที่ซานิวะทำให้กินด้วยตนเอง ตั้งแต่การคัดเลือกผลท้อรสชาติดี การล้างทำความสะอาดไปจนถึงการปอกผ่า





ซานิวะจะเป็นผู้มอบผลท้อที่ตนลงมือทำทุกขั้นตอนนั้นเพียงวันละสี่ชิ้นจากผลท้อสองผลเท่านั้น ดาบทุกเล่มจึงตื่นเต้นและตั้งตาคอยกันมากเพราะนอกจากผลท้อนั้นจะรสชาติหวานล้ำกว่าผลอื่นแล้วมันยังถือเป็นเกียรติสูงสุดที่ผู้เป็นนายให้ความเอาใจใส่ อีกทั้งมันยังเป็นวิธีตกรางวัลของซานิวะสำหรับดาบเล่มไหนที่ทำผลงานดีเป็นที่ชื่นชม





ข้าเบือนหน้าหันออกไปมองบรรยากาศนอกเรือนแทนกิจกรรมที่พวกเด็กๆตั้งตาคอย ในเมื่ออีกฝ่ายทำตัวราวกับมีเรื่องผิดใจถึงเพียงนั้นข้าก็สำเนียกตนเองได้ทันทีว่าตัวข้าผู้นี้ไม่มีทางได้รับเกียรติสูงสุดที่อีกฝ่ายมีให้ ข้าคิดก่อนดื่มชาด้วยสภาพอารมณ์ที่อึมครึมประหนึ่งกลุ่มเมฆฝนก่อนฟ้าคะนอง





"ท่านปู่ๆ หันมาเร็ว"





เสียงของโฮตารุมารุที่อยู่ๆก็สะกิดแขนเสื้อเร่งเร้าทำให้ข้าต้องหันไปทางต้นเสียงก่อนจะผงะหวิดได้หงายหลังล้มตึงเมื่อเจอเข้ากับจานกระเบื้องใบนึงในระยะประชิดสายตา ข้าจับมือที่ถือจานของโฮตารุมารุออกห่างเล็กน้อยจึงได้เห็นว่าเป็นจานใส่ผลท้อซีกหนึ่ง





"มีอะไรหรือ?" ข้าถามด้วยรอยยิ้มเรื่อยเฉื่อยอย่างคุณปู่ผู้ใจดี โฮตารุมารุยิ้มกว้างเหมือนหิ่งห้อยกระพริบแสงสีนวลผ่องในยามราตรี





"ผลท้อขอรับ ท่านซานิวะกล่าวว่ามอบให้ท่าน" รอยยิ้มเสแสร้งของข้าชะงักไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะกลับมารักษารอยยิ้มตามแบบฉบับภายในชั่วอึดใจ





"โอ้...นี่เป็นเงินเดือนของข้างั้นหรือ? ดีใจจัง"





ข้าหยิบผลท้อซีกนั้นมาถือก่อนส่งมันเข้าปากท่ามกลางเสียงโอดครวญของบรรดาเด็กๆที่พลาดรางวัลงวดนี้ ผลท้อรสหวานนุ่มลิ้นอย่างที่ดาบอื่นๆเคยคุยโวไว้จริงๆ ข้ายิ้มอย่างพึงพอใจก่อนถือโอกาสลอบส่งจันทร์เสี้ยวไปยังร่างของคนผู้นั้นที่กำลังกล่าวขอตัวกลับห้องพัก ความสับสนคับข้องใจของข้าเริ่มเพิ่มทวี ทั้งที่ปฏิบัติตัวเหินห่างกับข้าอย่างเจตนาแล้วเหตุใดเขาจึงเมตตามอบเกียรติสูงสุดนี้แก่ข้าด้วย?




ข้าไม่เข้าใจเด็กน้อยผู้นี้เลยจริงๆ











หลังจากพากันอิ่มหนำสำราญและแบ่งเวรกันล้างจานเรียบร้อย เหล่าผู้ใหญ่ก็พากันต้อนดาบเด็กๆไปอาบน้ำ หลังจากทำธุระอันยุ่งยากใจในฐานะพี่เลี้ยงเด็กเสร็จสิ้นแล้วพวกเขาก็ชวนข้าไปลงบ่อน้ำร้อนหลังเรือนพัก มีหรือที่ข้าต้องปฏิเสธ? ข้าชอบแช่บ่อน้ำร้อนเป็นที่สุด อุณหภูมิของมันช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งขึงหลังฝึกซ้อมได้ดียิ่ง ข้าจัดการปลดเปลื้องเครื่องแบบประจำตัวออกท่ามกลางเสียงโลหะของบรรดาเครื่องแบบที่ดาบแต่ละเล่มต่างถอดวางใส่ตระกร้าทรงเตี้ยของตนเอง





ซานิวะผู้นั้นจัดตระกร้าวางของใช้ส่วนตัวสำหรับผู้อื่นให้อย่างเป็นสัดส่วนจนข้านึกชื่นชม หากไม่นับเรื่องท่าทีคลุมเครือที่อีกฝ่ายมีให้เด็กหนุ่มผู้นั้นก็เป็นเจ้านายที่ไม่เลวเลยจริงๆ เรื่องการใช้บ่อน้ำร้อนก็เช่นกัน คนผู้นั้นกำหนดให้ดาบประเภทผู้เยาว์ได้ใช้ก่อนหลังจากนั้นดาบที่มีความยาวตั้งแต่มาตฐานขึ้นไปจึงใช้ได้ แม้ไม่มีใครเอ่ยปากอธิบายแต่ข้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าเพราะเหตุใดเขาจึงสั่งเช่นนั้น





"หญิงสาวในตอนนั้นที่ข้าได้ลิ้มรสน่ะนะ..."





เสียงโอ้อวดความเป็นบุรุษเปิดประเด็นเริ่มขึ้นก่อนดาบทุกเล่มจะได้ก้าวเท้าเปิดประตูเข้าบ่อน้ำพุร้อนซะอีก แต่ก็เพราะสาเหตุนี้ละนะที่ทำให้ต้องต้อนเด็กๆเข้านอนก่อน เรื่องลึกซึ้งของผู้ใหญ่เช่นนี้ไม่ควรมีเด็กวัยอ่อนเดียงสาเข้ามาร่วมสนทนารู้เห็น





"ไม่เอาน่ะ ข้าฟังเรื่องนี้จนเบื่อแล้ว เจ้าเคยแค่นางเดียวหรือไร?"





"ทำเป็นพูดดีไป อย่างเจ้าละเคยได้สักนางหรือยัง?"





ดูเหมือนว่าเกมโอ้อวดเกทับความเป็นชายจะเพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ความดุเดือด ทว่าข้าก็ปล่อยให้บทสนทนาของหลานๆด้านหลังลอยผ่านหูไปโดยไม่คิดจะใส่ใจห้ามปราม จะอย่างไรก็โตเป็นหนุ่มเต็มตัวกันหมดแล้วการพูดคุยแข่งขันกันในเรื่องพวกนี้อย่างโจ่งแจ้งย่อมไม่ใช่แปลก ข้าคิดพลางยื่นมือเปิดประตูไม้บานเลื่อน ขยับกายย่างเท้าก้าวเข้าไปในกลุ่มหมอกควันที่ลอยแผ่มาจากบ่อน้ำพุร้อนก่อนปิดประตูตามหลังปิดกั้นบทสนทนาอันแสนวาบหวิวไว้ชั่วคราวในขณะที่ดาบเล่มอื่นๆเปิดประตูตามข้ามาติดๆ





ครืด..






"หนวกหูกันทั้งคู่เลย.."





"อย่ามาแสไม่เข้าเรื่องน่ะโอคุริคาระ"





"เอาน่ะๆ อย่าทะเลาะกัน ที่นี่ยิ่งใกล้ห้องพักของนายท่านอยู่เดี๋ยวท่านก็ตื่น..หรอก.."





ปากคนเอ่ยปรามชะงักค้างที่ประโยคท้ายเป็นวินาทีเดียวกับที่ข้าชะงักฝีเท้าเมื่อมาถึงข้างบ่อ ร่างเนื้อที่กำลังนอนคว่ำหน้าหนุนท่อนแขนกับขอบบ่อค่อยๆปรือตาขึ้นมอง ดวงตาสีฟ้าครามข้างซ้ายที่ไร้การบดบังจากเรือนผมสีเหมันต์ฉายชัดถึงความประหลาดใจปนงุนงง ก่อนเจ้าตัวจะยกมือขึ้นเอ่ยทักทายพวกข้าด้วยท่าทีเกียจคร้านอย่างเป็นธรรมชาติ





"ไง.."





!!!!















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น