วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

[ตอนพิเศษ] บันทึกของซานิวะ 2::









::บันทึกซานิวะ 2::


ศัตรูใหม่ที่ใจไม่อยากต่อกร










สวรรค์กำลังกู่ร้อง..





ข้าละมือออกจากการเล็มต้นบอนไซเพื่อเงยหน้ามองท้องฟ้า แลเห็นกลุ่มเมฆสีดำทะมึนแปลกประหลาดกำลังก่อตัวรวมกันที่ยอดภูเขาอย่างน่าหวาดหวั่น ทันใดนั้นกระแสลมที่เคยอบอุ่นอ่อนโยนก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นกระโชกแรงประหนึ่งสัตว์ป่าที่กำลังคุ้มคลั่ง สัมผัสที่ได้รับคล้ายกับคมดาบที่กรีดผ่านผิว ขนอ่อนในกายข้าลุกชันทั่วร่างจากแรงกดดันอันไร้สาเหตุที่มา เกิดเหตุอาเพศอันใดกัน? ข้ารู้สึกใจไม่ดีเอาเสียเลย..





ข้าส่งศาสตรากลุ่มนึงออกไปสำรวจบริเวณรอบๆเพื่อหาความผิดปกติและสั่งให้ตามหน่วยลาดตะเวนที่ออกปฏิบัติหน้าที่กลับมาโดยเร็วด้วยความหวั่นใจ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ยกน้ำชาดื่มดับความกระวนกระวาย สองในสมาชิกหน่วยลาดตะเวนก็กลับมาถึงเรือนด้วยสีหน้าร้อนรน





"มีศัตรูเข้าประชิดขอรับ!! ท่านโชคุไดคิริขอกำลังเสริมโดยเร่งด่วน ข้าไม่แน่ใจว่ายามนี้ฝ่ายเราจะชนะหรือไม่..พลโล่ของฝ่ายเราถูกทำลายด้วยพลโยนหินของศัตรูจนสิ้นแล้ว"





เฮชิคิริกับโกโคไทรายงานสถานการณ์อย่างรวบรัด ข้าจึงส่งพิราบอาคมเรียกศาสตรากลุ่มอื่นให้กลับมาเพื่อจัดกำลังเสริม สถานการณ์ของหน่วยลาดตะเวนอาจจะไม่ได้ย่ำแย่นัก อย่างน้อยพวกนั้นก็ผ่านขั้นโทคุกันเกือบหมดแล้ว แต่ข้าก็ยังรู้สึกว้าวุ้นใจด้วยลางสังหรณ์ เมื่อนั่งเฉยๆแล้วรู้สึกร้อนใจข้าจึงกลับเรือนพักส่งสารไปสอบถามสถานการณ์กับเบื้องบนและเหล่าสหายซานิวะซึ่งประจำการอยู่ในเขตมิติอื่น บางทีอาจเป็นข้าที่กังวลไปเองฝ่ายเดียว แต่การสอบถามสถานการณ์โดยรวมเพื่อความมั่นใจก็ไม่ได้เป็นเรื่องหนักหนาอันใด..





ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมากลับสร้างความสะพรึงขวัญให้ข้าหวาดหวั่นเป็นยิ่งนัก..





เหล่าสหายร่วมอาชีพต่างตอบสารกลับมาด้วยเนื้อหาที่แตกต่างกันผ่านทางกระดานอาคม บ้างก็งุนงงสับสน บ้างก็คับข้องสงสัย แม้ส่วนมากจะไม่รู้เรื่องราวอันใดแต่กลับมีซานิวะหลายรายที่ถูกโจมตีในพื้นที่ประจำการด้วยน้ำมือของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ากองกำลังเหล่านั้นมาจากไหนหรือมีผู้ใดเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง ซานิวะรายนึงกระจายสารรายงานสถานการณ์ของเขตตนในยามนี้ว่า





'มันคือกองทัพสีดำอันมีรูปร่างดั่งอมมนุษย์ที่ชั่วร้าย มันซึ่งเป็นผู้ไล่ล่าศัตรูเราและติดตามไล่สังหารเรา ดาบของข้าต่างดับสลายไปจนเกือบสิ้นแล้ว..'





สารฉบับนั้นได้สร้างความแตกตื่นอันใหญ่หลวงแก่เหล่าซานิวะต่างแดน แต่ละคนพยายามตั้งสติกันอย่างยากเย็น แม้แต่ข้าเองก็ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างหนาวเหน็บ อดใจหายไม่ได้ด้วยเข้าใจดีว่าหัวใจของซานิวะผู้นั้นกำลังบอบช้ำเพียงใด





สำหรับซานิวะแล้วเหล่าศาสตราก็ไม่ต่างไปจากพี่น้องครอบครัวที่เติบโตมาด้วยกัน แต่อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้? แล้วจะมีทางรับมือกับกองกำลังสีดำนั้นได้หรือไม่? กองทัพอมมนุษย์ที่ไล่สังหารผู้พยายามเปลี่ยนแปลงชะตากรรมเช่นศัตรูข้า แต่ก็ยังหันกลับมาสังหารผู้ปกป้องอดีตกาลเช่นพวกข้า





กองกำลังนี้ออกไล่ล่าทั้งสองฝ่ายเพื่อสิ่งใดกัน?







และแล้วการรอคอยอันแสนเนิ่นนานในความรู้สึกก็สิ้นสุดลงเมื่อเบื้องบนส่งสารกลับมาไขข้อข้องใจให้พวกข้าได้รู้ว่าตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับสิ่งใด





มันคือกองทัพของผู้วายชนม์..





การรุกรานของสิ่งแปลกปลอมที่กำลังจะบิดเบือนเรื่องราวของยุคสมัยด้วยการต่อสู้ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงนี้ได้ทำให้จิตวิญญาณที่ต้องการปกป้องแผ่นดินตื่นจากการหลับใหล จิตวิญญาณของนักรบซึ่งทุ่มเทเพื่อแผ่นดินมากล้นแต่กลับต้องสิ้นลมไปอย่างตรอมตรมเพราะบุคคลทางสายเลือดที่เคยให้คำมั่นว่าจะคอยดูแลซึ่งกันและกัน กองทัพสีดำนั้นคือจิตวิญญาณและปณิธานอันยิ่งใหญ่ของผู้กล้าซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดในปลายยุคสมัยเฮอัน..





..มินาโมโตะ โนะ โยชิสึเนะ..







'หากเป็นเช่นนี้พวกเราควรทำอย่างไรกัน?'





'พวกเรามีหน้าที่ปกป้องประวัติศาสตร์ แต่หากต้องสู้กับจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่เช่นนั้นจะเรียกว่าปกป้องประวัติศาสตร์ได้อย่างไร!!'





'แล้วข้าจะทำหน้าที่ได้อย่างไรในเมื่อจิตวิญญาณของท่านโยชิสึเนะไม่ยอมรามือไปเช่นนี้'





"นายท่าน!! นายท่านขอรับ!!"





เสียงตะโกนด้านนอกเรือนดังขึ้นทำให้ข้าต้องละความสนใจจากกระดานอาคม เสียงนี้..มิดาเระ? เจ้าตัวบุกเข้ามาถึงเขตเรือนข้าเช่นนี้เกิดเรื่องร้ายแรงใดกัน? ข้าเก็บกระดานอาคมก่อนจะก้าวออกจากเรือน สีหน้าย่ำแย่ของมิดาเระทำให้ข้าใจหาย ร่างกายยิ่งเย็นเหยียบดั่งจมอยู่ใต้ธารน้ำแข็งเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากรายงานสิ่งที่เป็นดั่งฝันร้ายของข้า





"หน่วยลาดตะเวนกลับมาแล้วขอรับ โฮริคาวะกับมุสึโนะคามิบาดเจ็บพอสมควร ท่านมิคาสึกิอาการค่อนข้างสาหัส แต่ท่านโชคุไดคิริ..."





"โชคุไดเป็นอย่างไร.." ข้าเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตาซึ่งยามปกติจะมีแต่ความร่าเริงของมิดาเระสั่นไหว หยาดน้ำตาเอ่อคลอจนล้นปริ่มขอบตา เขาเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะหลับตาส่ายหน้าเร็วๆคล้ายอยากจะหนีความจริง





"ดาบของท่านโชคุไดคิริร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าเกรงว่าท่านโชคุไดคิริจะ.. นายท่าน! รอข้าด้วยขอรับ!!"





แต่ข้าไม่ได้สนใจฟัง อารมณ์ของข้ายามนี้รุนแรงยิ่งกว่าพายุที่โหมกระหน่ำ ยิ่งได้เห็นสภาพของเหล่าศาสตราที่ข้าภาคภูมิใจข้ายิ่งแค้นเคือง อารมณ์หลากหลายที่ทับทมราวไฟที่กองสุมกันแทบจะทำให้ทั้งร่างระเบิดมอดไหม้ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้กระทำมันจะต้องชดใช้!!!





"ไม่มีเวลาแล้ว! ทำตามที่ข้าสั่งเรื่องอื่นค่อยว่ากัน!!"





น้ำเสียงอาฆาตแค้นที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากตนเองทำให้ข้าได้สติอีกครั้ง แลเห็นเหล่าศาสตรากำลังมีสีหน้าหวาดกลัวข้าก็นึกต่อว่าตนเองที่เผลอปล่อยให้ความแค้นเข้ามาครอบงำจนดวงตามืดบอด ข้าหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบอารมณ์ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวลลงเพื่อสั่งการใหม่ พวกศาสตราควรได้อยู่ในที่ปลอดภัย





ข้าต้องย้ายที่ตั้งเรือนใหม่..





ข้าสั่งให้ศาสตราเล่มอื่นๆพาศาสตราที่บาดเจ็บเข้าเรือน ยกเว้นโควเสะสึ คะชู โคกิทสึเนะ นาคิกิสึเนะที่ข้าต้องยืมมือในการปักเขตอาคม โควเสะสึมักถือศีลเป็นประจำจิตวิญญาณของเขาจึงสว่างไสวพอจะเป็นกำลังหนุนไม่ให้ข้าเปลืองแรงมากนัก โคกิทสิเนะกับนาคิกิสึเนะเป็นจิตวิญญาณอันถือกำเนิดจากเสี้ยวพลังส่วนหนึ่งของเทพจิ้งจอกอินาริ การมีพวกเขาอยู่ช่วยจึงลดภาระของข้าได้มาก คะชูแม้จะไม่สามารถช่วยเหลือข้าในการปักเขตอาคมแต่ข้ามั่นใจว่าเขาจะสามารถดูแลข้ายามไร้เรี้ยวแรงจากการใช้พลังเกินขีดจำกัด





ข้าอธิบายวิธีการให้พวกเขาฟังคร่าวๆโดยการให้พวกเขาถือกิ่งต้นท้อที่ข้าตัดออกมาในขนาดเท่าๆกันแล้วปักลงพื้นรอบอาณาเขตเรือนตามตำแหน่งจตุรทิศ และให้พวกเขาจับกิ่งท้ออยู่ด้านในอาณาเขตนั้นเช่นเดียวกับข้าที่คุกเข่าลงเบื้องหน้ากิ่งท้อที่ปักลงในทิศอุดร ในใจข้าเกิดความกังวลว่าร่างกายนี้จะใช้พลังได้ไม่เต็มที่หากยังคงมีสิ่งที่ตนเองคอยผนึกอยู่.. แต่ข้าก็ตัดสินใจโยนความลังเลทิ้งไปเพราะนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงตัวเอง ข้ายังมีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องทุ่มเทปกป้อง




เหล่าศาสตราผู้เป็นเสมือนครอบครัวของข้า







"คะชู.."





"ขอรับ?"





"ไม่ว่าเจ้าจะเห็นสิ่งใด หลังจากนี้จงลืมมันเสีย เข้าใจหรือไม่?" แม้คะชูจะมีสีหน้าฉงนสงสัยกับคำกล่าวของข้าแต่เขาก็ยอมพยักหน้ารับคำ ข้ายิ้ม รู้อยู่แล้วว่าเจ้าตัวเป็นศาสตราที่ไว้ใจได้




         เช่นนี้ก็ไม่มีอันใดให้ลังเลอีกแล้ว..





ข้าค่อยๆหลับตาลง คลายผนึกที่สะกดบางสิ่งซึ่งแฝงเร้นอยู่ในตัวมาเนิ่นนานนับตั้งแต่อายุย่างเข้า17 ขุมพลังอันเข้มข้นที่ค่อยๆแผ่ขยายจากดวงตาขวาทำให้ทั่วร่างเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายมนตราตามชาติพันธุ์ ริมฝีปากพึมพำคาถาเพื่อกางเขตอาคมคุ้มกันภัยอีกทั้งเปิดเขตแดนที่ต้องใช้ในการข้ามมิติ ในระหว่างทำพิธีข้าก็คล้ายจะได้ยินเสียงอุทานแผ่วมาจากศาสตราข้างตัว





"นายท่าน ใบหน้าของท่าน!!"





สายลมพัดที่เป็นระลอกโดยมีข้าเป็นศูนย์กลางได้ทำให้เรือนผมที่คอยอำพรางใบหน้าและดวงตาด้านขวาปลิวสยายไปทางด้านหลัง เปิดเปลือยส่วนที่ข้าหวงแหนให้อีกฝ่ายได้เห็นเป็นครั้งแรกแต่ข้าก็ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก ด้วยในใจมุ่งมั่นแต่จะปกป้องสิ่งที่มีอยู่





ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดครึ้ม กลุ่มเมฆที่ลอยจับตัวหนาส่งเสียงดังระงมประหนึ่งอสูรกายกำลังกู่ร้อง เส้นสายอัสนีตัดผ่านท้องนภาไปสายเล่าสายเล่าจนเกิดเสียงดังกัมปนาทสะเทือนทั่วพื้นแผ่นดินราวกับเป็นความพิโรธของเทพสวรรค์ สัมผัสบางอย่างที่อยู่นอกอาณาเขตเรือนกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ด้วยความรวดเร็วทำให้ข้าต้องกัดฟันทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อบังคับเปิดเขตแดนไปยังมิติอื่นที่ปลอดภัยกว่า อีกนิดเดียว.. ขอเวลาให้ข้าอีกนาทีเดียวข้าก็จะ..





เปรี๊ยง!!!! 









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น