วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

::ห้วงคิดที่ 8::













::บทที่ 8::


วันวานช่างผ่านไวนัก








ใบหน้าสง่างามหมดจดกำลังมีรอยยิ้มบางๆ ดวงตาสีครามด้านซ้ายชวนให้คนมองพิศวงงุนงงเมื่อในนัยน์ตาไม่ได้เป็นรูปทรงกลมแบบที่มนุษย์ทุกคนพึงมี มันดูเรียวรีเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นที่ข้าไม่รู้จัก เรือนผมสีเหมันต์ที่ยาวเกือบจรดบั่นเอวยามนี้สั้นลงกลายเป็นทรงรากไทร์ยาวเคลียบ่า ผมด้านหน้าที่เคยไว้ยาวปิดใบหน้าซีกขวาถูกตัดออกเปิดเปลือยผิวหน้าให้ผู้อื่นได้เห็นกันชัดแต่บริเวณดวงตาที่เจ้าตัวหวงแหนกลับถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาว





เรือนร่างที่เคยอยู่ในวัยผ่านพิธีเก็มปุคุบัดนี้กลับแปรเปลี่ยนไปจนข้าเริ่มไม่แน่ใจว่า ตกลงแล้วที่ผ่านมาข้าฝันไปหรือเวลานี้ข้ายังไม่ตื่นจากห้วงแห่งการหลับใหลกันแน่ เด็กหนุ่มที่ข้าเคยลอบมองด้วยความคับข้องใจเติบใหญ่กลายเป็นบุรุษเต็มตัวแล้วอย่างนั้นหรือ? หรือที่อยู่ตรงหน้าข้านี้เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่บังเอิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับคนผู้นั้นกัน?





        คนผู้นี้คือซานิวะ?





"ท่านเป็นอะไรไป? หรือยังมีบาดแผลใดสร้างความเจ็บปวด?"





ร่างที่ขยับเท้าก้าวเข้าหาช่างสร้างความประหวั่นพลันพรึงให้ผู้อื่นตกตะลึงยิ่ง ข้าทั้งประหลาดใจ ไม่แน่ใจ และรู้สึกไม่อยากเชื่อจันทร์เสี้ยวในนัยน์ตาตนเองเป็นที่สุด คนผู้นี้ดูไม่เหมือนซานิวะที่ข้ารู้จักเลยแม้แต่น้อย แต่สำเนียงเสียงแบบเด็กหนุ่มเมื่อวันวานยังคงมีหลงเหลืออยู่บ้างทำให้ข้าจำต้องเชื่อว่านี่คือซานิวะจริงๆ แต่เหตุใดจึง..





"ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กๆก็เติบโตกันรวดเร็วเช่นนี้นี่เองสินะ.. เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน"





ข้าหัวเราะพลางยิ้มกลบเกลื่อน ในใจเริ่มเกิดความวิตกเล็กๆว่าอาการบาดเจ็บอาจจะทำให้ข้าหลับใหลจนเวลาล่วงเลยมาหลายปีแล้วก็เป็นได้ ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มตรงหน้าข้านี้แทบไม่เหลือเค้าความบอบบางราวสตรีให้ผู้คนสับสนอย่างแต่ก่อน มองอย่างไรก็เป็นบุรุษรูปงามประหนึ่งขุนนางอนาคตไกลในราชสำนักเสียมากกว่า ซานิวะหัวเราะเมื่อได้ฟัง ดวงตาสีครามอันแปลกประหลาดเกินมนุษย์ปรากฏร่องรอยขบขันอย่างชัดเจน เขาทรุดกายนั่งลงเบื้องหน้าข้าก่อนเอ่ยปาก





"ท่านหลับไปสามวันคงรู้สึกหิวเป็นแน่ ข้าสั่งให้คนเตรียมโจ๊กไว้แล้ว เดี๋ยวคงมีใครยกมาให้.."





        สามวัน!!






ข้าตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ อารมณ์ของข้ายามนี้คงยากแก่การทำใจให้สงบได้จริงๆ สามวันงั้นหรือ? ข้าหลงคิดว่าตนเองหลับใหลจนเวลาผ่านไปไม่ต่ำว่าสามปีแล้วเสียด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดอีกฝ่ายจึงอยู่ในรูปลักษณ์เช่นนี้กัน? เขาในยามนี้ไม่น่าจะมีอายุเกิน20ปี..





นี่มันเกิดเรื่องบ้าอันใดกัน!!





"ท่านคงสับสนกับสภาพของข้าอยู่สินะ.." ซานิวะมีสีหน้าลำบากใจเมื่อเห็นสายตาข้องใจของข้า เขาถอนหายใจราวกับปลงตกก่อนจะยอมเอ่ยปากอธิบาย





"ท่านคงทราบดีว่าซานิวะเป็นตำแหน่ง มิได้เป็นนามของข้า"





"ฮะฮะ ใช่..ข้ารู้เรื่องนี้อย่างกระจ่างชัด" แต่สิ่งใดที่ทำให้เจ้าเด็กน้อยเมื่อสามวันก่อนกลายเป็นหนุ่มเต็มตัวในวันนี้กัน? เหมื่อนจะรู้ว่าข้าอยากฟังสิ่งใดชายหนุ่มผมสีเหมันต์ตรงหน้าจึงเอ่ยต่อ





"ซานิวะทุกคนล้วนมีพลังในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและสร้างกายเนื้อให้จิตวิญญาณเช่นท่าน ทว่านั่นไม่ใช่พลังอย่างเดียวที่เหล่าซานิวะต่างมีในครอบครอง แต่ละคนล้วนมีความถนัดหรือความสามารถที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเกิดจากพรสวรรค์หรือชาติกำเนิด ตัวข้าที่เป็นเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติตามวัยของข้า.."





"หืม?.. งั้นคงเป็นตาเฒ่าเช่นข้าเองสินะที่ตื่นตกใจง่าย ฮ่าฮ่าฮ่า"





ข้าเอ่ยเย้าอย่างคลายกังวลไปได้บางส่วน อ่า.. แต่ถึงอย่างไรก็ดูไม่น่าเชื่อจริงๆเลยนะ นี่หรือเปล่านะที่เขาว่ากันว่าบิดามารดายามมองบุตรเติบใหญ่ก็มักย้อนนึกถึงวันวาน สามวันผ่านจากหนุ่มน้อยในวันนั้นก็กลายมาเป็นชายหนุ่มในวันนี้เสียแล้ว





"นี่ท่าน.. อย่าหัวเราะมากได้หรือไม่ ถึงบาดแผลจะสมานกันได้ส่วนใหญ่แต่แผลที่ลำตัวท่านสาหัสนัก ได้รับแรงกระเทือนมากๆอาจปริแตกได้"





"เป็นห่วงบาดแผลข้างั้นหรือ? ดีใจจัง..ข้าก็ว่าทำไมเริ่มรู้สึกเจ็บๆ ฮ่าฮ่าฮ่า"





ซานิวะส่ายหัวด้วยสีหน้าอ่อนใจก่อนจะขอดูสภาพบาดแผลใต้ร่มผ้า ข้าจึงต้องถอดแขนเสื้อออกข้างนึงเพื่อแหวกชุดให้อีกฝ่ายได้ดูชัดๆ คมดาบของศัตรูได้สร้างบาดแผลบนหน้าท้องลากยาวไปเกือบถึงบั้นเอว ซึ่งยามนี้บาดแผลดังกล่าวกำลังปริแตกและมีเลือดไหลซึมออกมาจนผ้าพันแผลเปียกชุ่ม ตอนแรกข้าคิดว่าจะมีแต่แผลเล็กน้อยที่ไหล่กับแขนเสียอีก ถึงว่าครานั้นโคกิทสึเนะจึงมีสีหน้าย่ำแย่เหลือเกินยามเห็นสภาพของข้า





"แผลปริจริงๆเสียด้วย ข้าควรสั่งห้ามมิให้ท่านหัวเราะจนกว่าแผลตรงนี้จะหายดีหรือไม่?"





"หืม?..ช่างเป็นภารกิจที่น่าหนักใจจริงๆ แต่ข้าก็จะพยายามนะ ฮะฮะฮะ" แต่ข้ารู้สึกไปเองหรือเปล่านะว่าคนผู้นี้ยอมเปิดใจสนทนากับข้ามากกว่าแต่ก่อน เขาเลิกตั้งแง่กับข้าแล้วหรือ?





หรือเพราะร่างกายเติบโตขึ้นความคิดอ่านจึงเติบใหญ่ตาม?





"ยังไม่ทันขาดคำเลย..เห็นหรือไม่ว่าเลือดท่านกำลังไหล แบบนี้คงใส่ยาไม่ได้เป็นแน่"





อีกฝ่ายเอ่ยต่อว่าข้าอย่างไม่ค่อยจริงจังนักพลางใช้ผ้าเช็ดหน้ากดปากแผลไว้เพื่อห้ามเลือด แต่เจ้าตัวกลับมีสีหน้ายุ่งยากใจอย่างประหลาด ข้านึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ครั้งที่ซานิวะพยายามอาเจียนเอากับข้าวที่ปนเปื้อนเนื้อสัตว์ออกมาก็พอจะเข้าใจ เจ้าตัวคงรู้สึกลำบากใจที่จะแตะต้องโลหิตหรือชีวิตของผู้อื่นสินะ..





"งั้นรบกวนนายท่านช่วยไปตามเด็กๆมาทำแผลให้ข้าเถอะ" ในขณะที่พูดอยู่ข้าก็นึกประหลาดใจตนเองนัก เหตุใดข้าจึงใส่ใจกับสีหน้าการกระทำของซานิวะมากมายถึงเพียงนี้? จะว่าไปก็ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ไม่ว่าเจ้าตัวจะทำสิ่งใดจันทร์เสี้ยวของข้าก็เป็นต้องเคลื่อนตัวตามไปรับรู้ด้วยแทบทุกครา..





เหตุใดข้าต้องใส่ใจว่าคนผู้นี้จะคิดอย่างไรกับข้ากัน?





สีหน้าของซานิวะย่ำแย่เป็นยิ่งนัก นัยน์ตาสีครามที่สบกับจันทร์เสี้ยวดูลังเลเล็กน้อยก่อนจะมีสีเข้มขึ้นคล้ายคนตัดสินใจแน่วแน่จนข้าคิดว่าตนเองหน้ามืดจากการเสียเลือด เขาส่ายหน้าปฏิเสธคำขอก่อนจะผละมือจากการกดห้ามเลือดแล้วฉีกผ้าพันแผลที่พันรอบออกในขณะที่ข้านั่งกระพริบตามองด้วยความงุนงง






"นะ นี่.. เดี๋ยว ท่านจะทำสิ่งใดกัน เฮ..ซานิว--!!!"





ข้าอ้าปากค้างกับการกระทำของคนตรงหน้าเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายก็ฉีกผ้าพันแผลของข้าออกแล้วก้มหน้าลงมาเลียแผล มือของข้ารีบดันร่างที่กำลังหายใจรินรดอยู่เหนือบาดแผลแต่กลับไร้ผล มือของอีกฝ่ายยึดมือทั้งสองของข้าไว้กับฟูกไม่ให้กวนใจส่งผลให้ข้าต้องเอนตัวไปด้านหลัง ใบหน้าของซานิวะจึงเข้าถึงแผลได้อย่างถนัดถนี่ ลมหายใจอุ่นๆและลิ้นที่ไล่เลียไปตามผิวเนื้อบริเวณปากแผลสร้างความสยิวให้ร่างกายร้อนวูบวาบจนลมหายใจติดขัด





"ปละ ปล่อยข้านะซานิวะ ท่านตั้งใจจะทำอันใดกัน.." ข้าพยายามขัดขืนให้ตนเองรอดพ้นจากสถานการณ์อันน่าหวาดหวั่น คนตรงหน้าไม่รู้หรือไรว่าการกระทำเช่นนี้มันเป็นการปลุกเร้าปีศาจร้ายในกายข้า!!






ฟึบ!!






ทั้งที่ข้าเป็นจิตวิญญาณดาบอายุหลายร้อยปี พละกำลังของข้าจึงมีเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปหากตั้งใจจะหลุดจากการจับกุมของใครข้าย่อมต้องรอดพ้น ต่อให้ตนเองบาดเจ็บอยู่ก็ไม่มีทางที่จะดิ้นไม่หลุด ทว่าคนตรงหน้ากลับดันร่างข้าให้อยู่ติดฟูกได้อย่างไม่ยากเย็น ข้าถูกอีกฝ่ายกดลงบนที่นอนอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แม้จะดิ้นรนอย่างไรอีกฝ่ายก็เหมือนจะไม่สะท้านสะเทือน





"อยู่เฉยๆ..ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าแล้วจะดีเอง.."





เสียงทุ่มต่ำของอีกฝ่ายทำเอาหัวใจข้าไหวสะท้าน นี่เขาคิดจะทำอันใดกัน เรื่องไม่ดีไม่งามที่ผุดขึ้นมาในหัวชักจะทำให้ข้าหวั่นใจ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดเช่นนั้นเมื่อใบหน้าสง่างามราวขุนนางด้านบนทำเพียงโน้มเข้าหาบาดแผลเหมือนตั้งใจจะเช็ดทำความสะอาด





ข้าก็ไม่รู้ว่าซานิวะไปได้ยินผู้ใดกล่าวมาว่าการเลียแผลช่วยห้ามเลือดได้ แต่ยามนี้ข้ากำลังจะตายทั้งเป็นกับการกระทำของอีกฝ่าย เบื้องล่างของข้าพองตัวตื่นจากนิทรา มันร้อนจัดตีงแน่นจนปวดร้าวแทบระเบิด จันทร์เสี้ยวในนัยน์ตาพร่าเลือนด้วยอารมณ์ปราถนาอันแสนต่ำช้าของบุรุษที่ข้าไม่อาจควบคุมได้





อึก..



ข้ากัดริมฝีปากพยายามสะกดกลั้นความต้องการ ไม่อาจยอมรับได้ว่าเพียงเพราะถูกลมหายใจกับปลายลิ้นนั้นโลมเล้าข้าก็ถึงกับเกิดอารมณ์ตัญหาขึ้นมาอย่างหน้ามืดตามัว รู้สึกต้องการจนอยากจะกระชากร่างด้านบนลงมาบดขยี้ด้วยความหิวกระหาย อยากเหยียดกายโหมกระหน่ำเข้าสู่ร่างของอีกฝ่ายเพื่อที่ความทรมานจากความปราถนานี้จะได้สิ้นสุดลงเสียที





"ข้ารักษาให้ท่านแล้ว อีกไม่กี่วันแผลนี้คงจะตกสะเก็ด.."





ซานิวะซึ่งยามนี้โน้มตัวอยู่เหนือร่างข้าเอ่ยเสียงแหบพร่าเจืออารมณ์บางอย่างอยู่เล็กน้อย ชายหนุ่มเห็นสีหน้าของข้าก็มิได้เอ่ยคำใดนอกจากเบียดกายกอดข้าไว้แนบแน่น ราวกับเขาเข้าใจดีว่าข้ากำลังสูญเสียการความคุมและรู้สึกอับอายยิ่ง บาดแผลของข้าเป็นอย่างไรในยามนี้ข้าไม่มีเวลาใส่ใจนอกจากการพยายามต่อสู้กับสัญชาตญาณดิบอย่างสุดความสามารถ เจ้าของอ้อมแขนซบหน้าลงกับไหล่ข้า เสียงแผ่วจางของเขาทำให้ข้าขุ่นเคืองนักแต่ทว่าก็รู้สึกอบอุ่น..





"หากท่านพร้อมเมื่อใดข้าจะปล่อยตัวท่าน.."





ข้าไม่ตอบคำใดนอกจากทอดถอนใจกับตนเอง หลงคิดว่าอีกฝ่ายจะเติบโตขึ้นตามวัยแต่ที่ไหนได้.. ไม่ว่าจะเป็นสามวันก่อนหรือในยามนี้ สุดท้ายแล้ว..





..คนผู้นี้ก็ยังคงสร้างความคับข้องใจให้ข้าเหมือนเคย..


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น